งานจิตรกรรมฝาผนังสิม (โบสถ์) เราจะพบได้ทุกภาคของประเทศไทย ดังจะยกมาให้ชม 3 ภาค
วัดภูมินทร์ (ภาคเหนือ)
เดิมชื่อ “วัดพรหมมินทร์” เป็นวัดหลวง ตั้งอยู่ในเขตพระนครดังปรากฏชื่อ ตำบลในเวียงในปัจจุบัน เจ้าเจตบุตรพรหมมินทร์ สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2139 ต่อมาอีกประมาณ 300 ปี มีการบูรณะครั้งใหญ่ ในสมัยเจ้าอนันตวรฤทธิ์เดช เมื่อ พ.ศ.2410 (ปลายสมัยรัชกาลที่ 4) ใช้เวลาซ่อมแซมนานถึง 7 ปี
ความสวยแปลกของวัดภูมินทร์ ที่เป็นหนึ่งเดียว คือ เป็นวัดที่สร้างทรงจัตุรมุขหนึ่งเดียวในประเทศไทย ที่ดูคล้ายตั้งอยู่บนหลังพญานาคขนาดใหญ่ 2 ตัว แหนพระอุโบสถเทินไว้กลางลำตัว ตรงใจกลางพระอุโบสถจัตุรมุข ประดิษฐานพระพุทธรูปขนาดใหญ่ 4 องค์ หันพรพักตร์ออกด้านประตูทั้งสี่ทิศหันเบื้องปฤษฏาค์ชนกัน ประดับนั่งบนฐานซุกชี เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย
อาคารนี้เป็นทั้งพระอุโบสถ พระวิหาร และพระเจดีย์ในหลังเดียวกัน โดยใช้อาคารในแนว ตะวันออก-ตะวันตก เป็นพระวิหาร และอาคารแนว เหนือ-ใต้ เป็นพระอุโบสถ รัฐบาลไทยเคยพิมพ์รูปวัดภูมินทร์ ในธนบัตรใบละ 1 บาท ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
ภายในมีภาพจิตรกรรมฝาผนัง แสดงเรื่องราวชาดก วิถีชีวิตตำสนานพื้นบ้าน และความเป็นอยู่ของชาวน่านในอดีต ได้แก่ การแต่งกายคล้ายผ้าซิ่นลายน้ำไหล การท่อผ้าด้วยกี่ทอมือ การติดต่อซื้อขายกับชาวต่างชาติ สิ่งน่าสนใจอีกอย่างหนึ่ง คือ บานประตูแกะสลักลึกเป็น 3 ชั้น บนไม้สักทองแผ่นเดียวขนาดใหญ่ ความหนาของไม้ประมาณ 4 นิ้วสลักเป็นลวดลายเครือเถา ที่ทั้งดอกและมีผลระย้า รวมทั้งสัตว์นานาชนิด ฝีมือช่างเมืองน่าน
หอไตรวัดภูมินทร์ ลักษณะ สร้างขึ้นใหม่เลียนแบบของเดิม เมื่อ 5 มีนาคม 2537 อาคารสี่เหลียมทรงสูงสองชั้นก่ออิฐถือปูน มีบันใดภายในตัวอาคาร ชั้นบนมีระเบียง หลังคามีช่อฟ้าใบระกา
วัดโพธาราม (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ)
ฮูบแต้มวัดโพธาราม ตั้งอยู่ในพื้นที่บ้านดงบัง อำเภอนาดูน ฮูบแต้มที่พบของ สิมวัดนี้ ปรากฏบนผนังสิมทึบ ทั้งผนังด้านนอกและผนังด้านใน ช่างเขียนแต้มฮูบ เต็มทุกผนัง ปรากฏชื่อช่างแต้ม คือ นายสิงห์ ซึ่งเป็นช่างพื้นถิ่นชาวพยัคฆภูมิพิสัย ผนังด้านนอกของสิมวัดโพธารามเขียนเรื่องพระเวสสันดรชาดก พระมาลัย พุทธประวัติ และสินไซ ส่วนผนังด้านในเขียนเรื่องพุทธประวัติและพระเวสสันดรชาดก โดยมีรูปแบบการจัดองค์ประกอบแบบศิลปะ พื้นบ้านอีสานคือไม่เรียงลำดับตามเนื้อหาในวรรณกรรม รูปทรง แม้จะได้รับอิทธิพลจากศิลปะแบบภาคกลางมาบ้าง แต่ช่างเขียนก็ แสดงออกตามความต้องการของตนเองเป็นหลักโดยไม่ยึดขนบ การเขียนแบบภาคกลาง
ความพิเศษของฮูบแต้มวัดโพธารามอยู่ที่รายละเอียดปลีก ย่อยที่แสดงออกผ่านตัวละครที่เรียกว่า “ตัวกาก” ที่ช่างแต้มได้ จำลองเอาวิถีวัฒนธรรมของคนในเมืองมหาสารคามในยุคสมัยนั้น มาจัดแสดงร่วมกับเรื่องหลัก เช่น การประกอบอาชีพ การทอผ้า การลงข่วง การตำข้าว สถาปัตยกรรม ฯลฯ ซึ่งเปรียบเสมือนห้อง สมุดวัฒนธรรมขนาดใหญ่ที่รอให้ผู้คนได้เข้าไปอ่าน ศึกษา วิจัย วิจารณ์ และพัฒนาเป็นแหล่งเรียนรู้สำหรับคนในชุมชน
ข้อมูลจาก : ศูนย์วิจัยพหุลักษณ์สังคมลุ่มน้ำโขง มหาวิทยาลัยขอนแก่น
วัดคงคาราม (ภาคกลาง)
วัดคงคารามเป็นวัดมอญ สร้างขึ้นโดยพระยามอญ มีอายุกว่า 200 ปี แต่เดิมเรียกว่า “วัดกลาง” หรือ “เภี้ยโต้” รัชกาลที่ 5 ทรงพระราชทานนามใหม่ว่า “วัดคงคาราม” ประกอบด้วยพระอุโบสถ มีเจดีย์ทรงรามัญ 7 องค์รายรอบ ภายในอุโบสถมีพระประธาน แกนในทำด้วยศิลาแลงและปิดทองฐานชุกชีทำเป็นบัวคว่ำบัวหงาย และภาพจิตรกรรมฝาผนังฝีมือละเอียดอ่อน ภาพแต่ละภาพเหมือนถ่ายทอดจากต้นแบบที่มีชีวิตจริง จิตรกรรมฝาผนังสันนิษฐานว่าเขียนในสมัยอยุธยา ต่อมาได้รับการปฏิสังขรณ์ในสมัยรัชกาลที่ 4 โดยเขียนซ่อมทับลงไปบนของเดิมที่ชำรุด จึงมีลักษณะอิทธิพลของศิลปตะวันตกอยู่บ้างตามความนิยมในยุคสมัย แต่ยังคงเค้าความเก่าแก่
เนื้อเรื่องจิตรกรรมเป็น ภาพพุทธประวัติ อยู่เเถวบนเหนือบานหน้าต่าง ภาพทศชาติชาดก อยู่ระหว่างบานหน้าต่าง และภาพไตรภูมิอยู่ผนังด้านหลังพระประธาน โครงสร้างสีส่วนใหญ่เป็นสีเขียวสด แดง และน้ำตาลเข้มสด ใช้สีสันที่สดใสมาก จุดเด่นของจิตรกรรมอยู่ที่การเขียนภาพคน ลักษณะความมีชีวิตชีวา ความเคลื่อนไหว และการแสดงอารมณ์ต่างๆ ของตัวละครในภาพ
นอกจากนี้ยังมีกุฏิเรือนไทย 9 ห้องสร้างในสมัยธนบุรี ปัจจุบันจัดให้เป็นพิพิธภัณฑ์พื้นบ้าน รวบรวมวัตถุเก่าแก่ซึ่งเกี่ยวข้องกับท้องถิ่น ไว้ให้คนรุ่นหลังได้ศึกษา โดยเปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00-16.00 น. อัตราค่าเข้าชม ทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างประเทศ ราคา 10 บาท
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0 3223 1770, 0 3223 1933, 0 1527 5308 ตั้งอยู่ที่ตำบลคลองตาคต อยู่ห่างจากตัวจังหวัดไปทางเหนือ ตามทางหลวงหมายเลข 4 ประมาณ 22 กิโลเมตร และแยกซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 3080 อีก 1 กิโลเมตร
การเดินทางรถประจำทาง จากกรุงเทพฯ นั่งรถที่สถานีขนส่งสายใต้ กรุงเทพฯ-โพธาราม มาลงที่หน้าไปรษณีย์โพธาราม แล้วนั่งรถจักรยานยนต์รับจ้างมาลงที่หน้าวัดคงคาราม
ลักษณะงานจิตรกรรมจะแตกต่างกันออกไป ตามสกุลช่างและความชำนาญของผู้วาด อีกทั้งอิทธิพลของศิลปะในแต่ละยุคสมัยที่มีการแผ่ขยายเข้ามาในแต่ละภูมิภาค ล้วนมีผลต่องานจิตรกรรมฝาผนังทั้งสิ้น การผลิตสี การใช้สี การผูกเรื่องราว การจัดองค์ประกอบของภาพ การสอดแทรกวิถีชาวบ้านในงานจิตรกรรม จึงเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เราได้เรียนรู้ ศึกษา วัฒนธรรมของแต่ละยุคซึ่งไม่สามารถที่จะหาดูืี่ได้จากสื่อไหน นอกจากงานจิตรกรรมเท่านั้น