ไพโรจน์ สโมสร ”หนึ่งในมรดกวัฒนธรรมอีสาน
นายไพโรจน์ สโมสร อดีตอาจารย์ คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ซึ่งป่วยด้วยโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง และได้เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์ ตั้งแต่วันที่ 11 ธันวาคม 2550 ที่ผ่านมา ได้เสียชีวิตอย่างสงบ เมื่อเวลา 22.37 น. ของคืนวันที่ 18 สิงหาคม 2551 ทางครอบครัวได้เคลื่อนศพไปบำเพ็ญกุศลที่วัดสว่างสุทธาราม บ้านหนองกุง อ. เมือง จ. ขอนแก่น และจะมีพิธีพระราชทานเพลิงศพในวันจันทร์ที่ 25 สิงหาคม 2551
สำหรับนายไพโรจน์ สโมสร เกิดเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2482 ที่ จ.นครศรีธรรมราช ด้วยสายเลือดเป็นศิลปินมาแต่บุพการี ทำให้สามารถสืบทอดความสามารถทางศิลปะแล้วเลือกการศึกษาทางศาสตร์ ทางศิลป์ จนจบระดับปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยศิลปากร จากนั้นจึงเข้าสอนที่โรงเรียนเพาะช่างและย้อยมาสอนที่โรงเรียนสาธิต ม.ขอนแก่น และคณะมนุษย์ฯม.ขอนแก่น พร้อมก่อตั้งคณะศิลปกรรมศาสตร์ ม.ขอนแก่น และเกษียณอายุในปี 2542
ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ ไพโรจน์ สโมสร อยู่ที่ภาคอีสานถือเป็นผู้ให้ความสำคัญต่อการส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมของชาวอีสานอย่างแข็งขัน แม้ว่าไพโรจน์ จะถือถิ่นกำเนิดจากแดนใต้ก็ตาม แต่ด้วยความที่ไพโรจน์ เป็นผู้รักในศิลปวัฒนธรรมครั้นที่ได้มาใช้ชีวิตในอีสานจึงได้เกิดความหวงแหนศึกษาเรียนรู้ในศิลปวัฒนธรรมอีสาน
โดยเฉพาะการวิจัยจิตรกรรมฝาผนังอันเป็นงานวิจัยที่ทรงคุณค่าทางประวัติสาสตร์ยิ่งนัก ด้วยความที่เป็นผู้มีวาทะและวรรณศิลป์ที่งดงาม ประกอบกับมีวิสัยทัศน์ทางทัศนศิลป์ ขอเขียน บทความ บทวิจารณ์ทางศิลปะ จึงได้เผยถึงความสามารถด้านนี้ในยุคสมัยที่ขาด แคลนนักเขียนนักวิจารณ์ที่ถ่องแท้ทางศิลปะ
ที่ผ่านมาตลอดระยะเวลาที่ย้ายถิ่นกำเนิดมาอยู่ที่อีสาน ไพโรจน์ สโมสร ได้สร้างผลงานที่สร้างสรรค์อย่างไม่หยุดหย่อน นิยมการเขียนลายเส้น สีน้ำ ภาพวิวทิวทัศน์และภาพคุณค่าความงามทางอารยะธรรมอีสาน ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์มาโดยตลอด ซึ่งผลงานเหล่านั้นเป็นเสมือนผู้ชี้แนะให้ทุกคนได้เล็งเห็นคุณค่าของศิลปวัฒนธรรมที่ลึกซึ้งถึงจิตวิญญาณรากเหง้าของบรรพบุรุษ และหลายครั้งที่เขาได้รับเชิญเป็นตัวแทนไทยนำผลงานจัดแสดงและบรรยาทางศิลปะทั้งในและต่างประเทศ
และหลังจากที่เขาเกษียณอายุราชการ ไพโรจน์ สโมสร ก็ยังสร้างสรรค์ผลงานสศิลปะเผยแพร่และอุทิศตนเพื่องานศิลปะและสังคมมาโดยตลอด ซึ่งระยะหลังๆมานี้เขาจะเน้นการนำอัตตลักษณ์ความเป็นอีสานที่แสดงผ่านรอยสักมาแสดงออกผ่านเส้นสีของความรู้สักแบบร่วมสมัย โดยมีสีอะครายลิกเป็นเสมือนเครื่องมือในการสื่อสาร
แต่ในช่วงระยะเวลานี้ดูเหมือนงานศิลปะของท่านจะไม่เกิดขึ้นเนื่องจากเรี่ยวแรงที่ลดลง เนื่องจากโรคมะเร็งมาเยือน และเข้ารับการรักษาตัวที่ รพ.ศรีนครินทร์ ม.ขอนแก่น จนเสียชีวิต
ข้อมูลจาก : http://www.oknation.net/blog/esannation/2008/08/21/entry-2