สิม หอไตร ฮูปแต้ม



ปรางค์กู่ประภาชัย ปรางค์กู่ประภาชัย ปรางค์กู่ประภาชัย ปรางค์กู่ประภาชัย ปรางค์กู่ประภาชัย ปรางค์กู่ประภาชัย ปรางค์กู่ประภาชัย ปรางค์กู่ประภาชัย
  • ปรางค์กู่ประภาชัย
  • ปรางค์กู่ประภาชัย
  • ปรางค์กู่ประภาชัย
  • ปรางค์กู่ประภาชัย
  • ปรางค์กู่ประภาชัย
  • ปรางค์กู่ประภาชัย
  • ปรางค์กู่ประภาชัย
  • ปรางค์กู่ประภาชัย


    ปรางค์กู่ประภาชัย เป็นศาสนสถานประจำอโรคยาศาล ของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 สร้างขึ้นในราวพุทธศตวรรษที่ 18 แห่งอาณาจักรขอม มีกำแพงศิลาแลงล้อมรอบ มีสระน้ำขนาดใหญ่หรือบารายประจำอโรคยาศาล ซึ่งได้รับการบูรณะขุดแต่งอย่างดี ปรางค์กู่ประภาชัย เป็นศาสนสถานขอมโบราณอีกแห่งหนึ่งที่ชาวบ้านและผู้คนจากถิ่นอื่นๆ ให้ความเคารพนับถืออย่างสูงมาจนถึงปัจจุบัน

    สระน้ำ หรือ บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ ก่อด้วยศิลาแลง แผนผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาดกว้าง 17.50 เมตร ยาว 21.50 เมตร ลึก 4 เมตร ตั้งอยู่นอกกำแพงแก้วด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือ
    ในปัจจุบัน ได้มีการประกอบพิธีกรรมทางพุทธศาสนา โดยพระสงฆ์ 9 รูป 9 วัด มาเจริญพระพุทธมนต์ ในวันเพ็ญ 15 ค่ำ เดือน 5 เป็นประจำทุกปี ถือเป็นบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์แห่งหนึ่งของประเทศไทย

    บ่อน้ำแห่งนี้ได้นำไปประกอบ ราชพิธีในวโรกาสต่างๆ ดังนี้
    ครั้งที่ 1 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 มีพระชนพรรษาครบ 5 รอบ

    ครั้งที่ 2 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 มีพระชนมายุครบ 6 รอบ

    ครั้งที่ 3 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 มีพระชนมายุ 84 พรรษา เมื่อปี พุทธศักราช 2554

นอกจากนี้ในบริเวณปรางค์กู่ประภาชัยได้มี หินก้อนใหญ่ ซึ่งชาวบ้านเชื่อกันว่าศักดิ์สิทธิ์ โดยมีเรื่องเล่าว่า ราว พ.ศ.2511 – 12 มีชาวต่างชาติเดินทางมาที่นี่ มาถึงก็บอกว่าจะมาขอซื้อหินบนยอดไม้ ในราคา ๑ ล้านบาท ชาวบ้านจึงพากันค้นหาก้อนหินดังกล่าว แล้วเจอหินอยู่บนยอดยางชาวบ้านอยากได้ล้านห้า เพราะจะได้มีเงินมาสร้างวัด จึงได้ต่อรองราคาอยู่ตรงลานหน้าโบสถ์ รองเจ้าอาวาสจำวัดอยู่ในโบสถ์ (ปัจจุบันท่านสึกแล้ว) ได้ร้องเสียงดังมากว่าปวดท้อง ชาวบ้านนึกว่าเป็นไส้ติ่ง เมื่อเข้าไปดู พระ ก็ว่าท่านเห็นเหมือนพระธุดงค์ห่มจีวรสีกลัก โผล่ศีรษะเหนือหน้าต่างบอกว่า “ไม่ให้ขาย” ชาวบ้านเลยทำขัน 5 มาขอขมาหิน อาการปวดท้องก็หายไป” จึงเป็นที่มาของหินศักดิ์สิทธิ์
คุณประภาส บุญไชย นั้น
    “ท่านเป็นคนอุดรฯ แต่เคยมาเป็นปลัดอำเภอประจำตำบลบัวใหญ่แถวนี้ เลยมาจับจองที่วัด 43 ไร่ สร้างวัดนี้ในปี พ.ศ. 2482 เพราะเห็นว่ามีปรางค์ปราสาท หรือแถวนี้เรียกกันติดปากว่า “ปรางค์กู่” หรือ “กู่บ้านนาคำน้อย” ท่านมาวางผังบ้านผังเมือง ตอนย้ายไปแล้วก็ยังมาทำบุญอยู่บ่อยๆ พอเสียชีวิตไปเมื่อปี 2546 ลูกหลานเลยทำรูปปั้นท่านมาไว้ที่นี่ เพื่อเป็นอนุสรณ์แก่คุณประภาส บุญไชย อโรคยาศาลแห่งนี้จึงเรียกกันว่า “กู่ประภาชัย" "

 Isan Upload


รวมภาพเก่าๆ ที่เกี่ยวข้องกับสถานที่



 ข่าวอัพเดท ข่าวสารอัพเดทสถานที่ :
ข่าวทั้งหมด 0 ข่าว



    กู่ประภาชัย หรือบางคนเรียกว่ากู่บ้านนาคำน้อย อยู่ห่างจากจังหวัดขอนแก่น ประมาณ 57 กิโลเมตร การเดินทางไปตามเส้นทางเดียวกันกับพระธาตุขามแก่น โดยตรงต่อไปก่อนถึงสะพานข้ามคลองส่งน้ำจากลำน้ำพองเลี้ยวซ้ายตามถนนลาดยางเลียบคลองชลประทาน แล้วเลี้ยวขวาสะพานเข้าหมู่บ้านนาคำน้อยก็จะถึงที่ตั้งกู่ประภาชัยซึ่งอยู่ภายในวัดบ้านนาคำน้อย
 

+ เพิ่ม | - ลด ขนาดตัวอักษร       


ปรางค์กู่ประภาชัย หรือกู่บ้านนาคำน้อย จังหวัดขอนแก่น
    ปรางค์กู่ประภาชัย หรือกู่บ้านนาคำน้อย เป็นอโรคยาศาล สภาปัตยกรรมของขอม ก่อสร้างด้วยศิลาแลงและหินทรายสร้างในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 แห่งอาณาจักรเขมรโบราณ ประมาณพุทธศตวรรษที่ 18 (พ.ศ.1720-1780) สภาพปัจจุบันสลักหักพังลงมาก แต่ได้รับการดูแลรักษาจากวัดและชุมชนเป็นอย่างดี เป็นโบราณสถานที่น่าศึกษาและไปสักการะบูชา มีพระพุทธรูปประดิษฐานไว้ มีหินก้อนใหญ่ที่ถือว่าเป็นหินศักดิ์สิทธิ์วางไว้บนแท่นที่ทำขึ้นใหม่เพื่อให้ประชาชนทั่วไปมาสักการะบูชา

    กู่ประภาชัย หรือบางคนเรียกว่ากู่บ้านนาคำน้อย เรียกตามชื่อของคหบดี คือ นายประภาส บุญไชย ผู้เข้ามาพัฒนาหมู่บ้าน เมื่อปี พ.ศ. 2459-2546 และเป็นผู้ก่อตั้งวัดกู่ประภาชัย เมื่อปี พ.ศ. 2482 ต่อมาจึงได้เปลี่ยนชื่อโบราณสถานนี้ว่า ปรางค์กู่ประภาชัย ตามนามของผู้ริเริ่มพัฒนา
    ในการบูรณะของกรมศิลปากร เมื่อปี พ.ศ. 2541-2543 ได้รื้อลงมาและประกอบและประกอบขึ้นใหม่ตามวิธีบูรณะโบราณสถานแบบอนัสติโรซีส และเสริมส่วนที่พังทลายลงไปถึงยอดปรางค์ ทิศเหนือของปรางค์กู่ อยู่ใกล้กับพระอุโบสถวัดกู่ประภาชัย เป็นพิพิธภัณฑ์ที่เก็บรวบรวมโบราณวัตถุไว้มากมาย เช่น พระพุทธรูปบุทองคำ สมัยอาณาจักรล้านช้าง ซึ่งพบในไหกลางห้องครรภคฤหะขององค์ประธาน และพระพิมพ์ พระสำริด อีกมากมายที่พบในบริเวณนี้ เช่น พระบุเงิน 72 องค์ พระบุทอง 1 องค์ ในหม้อที่ฝังดินเอาไว้ ซึ่งเกิดปรากฏการณ์มีเปลวไฟพุ่งขึ้นเป็นลำแสงในขณะที่มีการขุดสำรวจ เมื่อเวลาบ่ายสี่โมง ก็พบพระพิมพ์จำนวนมากดังกล่าวทันที
    ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ จึงเป็นที่มาแห่งความเชื่อและความศรัทธาของชาวบ้านที่เคารพนับถือ และจัดงานประเพณีสรงน้ำปรางค์กู่ประภาชัย ในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 5 ประจำทุกปี


    แผนผังและองค์ประกอบทางสถาปัตยกรรม
    กลุ่มอาคารศิลาแลง ประกอบด้วย ปราสาทประธาน 1 หลัง หันหน้าไปทางทิศตะวันออก บรรณาลัย 1 หลัง หันหน้าไปทางทิศตะวันตก ตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ของปราสาทประธาน มีกำแพงแก้วล้อมรอบอาคารทั้ง 2 หลัง ด้านหน้าก่อเป็นอาคารซุ้มประตูหรือโคปุระ เชื่อมต่อกับแนวกำแพงแก้วด้านทิศตะวันออก มีช่องประตูขนาดเล็กทางด้านทิศใต้ของโคปุระ และสระน้ำกรุด้วยสิลาแลง 1 สระ ตั้งอยู่นอกกำแพงมุมทิศตะวันออกเฉียงเหนือ มีรายละเอียดดังนี้
    1. ปราสาทประธาน ก่อด้วยศิลาแลง มีผังรูปสี่เหลี่ยม ส่วนฐานมีขนาดกว้าง 8 เมตร ยาว 10 เมตร สูง 10 เมตร ลักษณะฐานสูงก่อมุขยื่นด้านหน้า หันหน้าทางด้านทิศตะวันออก ภายในห้องเรือนธาตุ หรือ ครรภคฤหะ มีแท่นฐานประติมากรรมตั้งติดกับผนังด้านตะวันตก 1 แท่น กลางพื้นห้องเจาะเป็นช่องสี่เหลี่ยมสำหรับติดตั้งหินทรายและวางแท่นรูปเคารพ ลักษณะองค์เรือนธาตุย่อเก็จ ผนังสามด้านก่อเป็นประตูหลอก ยกเว้นด้านหน้าเป็นช่องประตูและก่อมุขยื่นออกมา ผนังมุขด้านทิศใต้ก่อเว้นเป็นช่องหน้าต่าง 1 ช่อง ส่วนยอดปราสาทก่อเป็นชั้นย่อเก็จลดหลั่นขึ้นไปยอดบนสุดใช้หินทรายก่อเรียงเป็นรูปกลีบดอกไม้แปดกลีบทับด้วยยอดทรงบัวตูมอีกชั้นหนึ่ง

    2. บรรณาลัย ก่อด้วยศิลาแลง มีผังรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาดกว้าง 3.50 เมตร ยาว 8.10 เมตร สูง 2.70 เมตร หันหน้าไปทางทิศตะวันตก ฐานอาคารก่อเป็นฐานเขียงสี่ชั้น ผนังสามด้านก่อทึบ เว้นด้านหน้าก่อเป็นช่องประตูสองชั้น ภายในปูพื้นด้วยศิลาแลง ส่วนหลังคาหักพัง เข้าใจว่าคงก่อเหลื่อมเป็นหลังคาโค้งทรงประทุน

    3. โคปุระ และกำแพงแก้ว ก่อด้วยศิลาแลง มีแผนผังเป็นรูปกากบาท มีขนาดกว้าง 9 เมตร ยาว 11.50 เมตร สูง 4.50 เมตร เป็นอาคารประตูซุ้มมีแนวกำแพงก่อเชื่อมล้อมรอบปราสาทประธานและบรรณาลัย ฐานโคปุระมีลักษณะก่อเป็นฐานเขียงสี่ชั้น ที่มุขด้านทิศตะวันออกก่อประตูสองชั้น ภายในห้องคูหามีแท่นฐานรูปเคารพฝังอยู่กับพื้น หันไปทางทิศเหนือ กลางแท่นเจาะเป็นช่องลึก ภายในบรรจุแผ่นทองคำ (แผ่นศิลาฤกษ์) สลักลวดลายดอกบัว

    4. สระน้ำ กรุผนังด้วยศิลาแลง มีผังรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีขนาดกว้าง ขนาดกว้าง 17.50 เมตร ยาว 21.50 เมตร ลึก 4 เมตร

    จากการดำเนินงานขุดแต่งบูรณะได้พบโบราณวัตถุที่สำคัญจำนวนมาก ได้แก่ ชิ้นส่วนจารึกเศียรพระวัชรธร พระพุทธรูปนาคปรก แท่นฐานประติมากรรมหินทราย แท่นวางแผ่นศิลาฤกษ์ พระพุทธรูปบุเงิน-บุทอง เป็นต้น

    โบราณวัตถุมีดังนี้

    1. ชิ้นส่วนศิลาจารึก หินทรายขนาดกว้าง 7 เซนติเมตร ยาว 6 เซนติเมตร พบจากการขุดแต่งแนวกำแพงด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ มีตัวอักษรจารึก 2 แถว ตัวอักษรขอม ภาษาสันสกฤต อ่านได้คำว่า
    " .......... ภาษตะ
    ..........งคเน "

    เป็นส่วนหนึ่งของจารึกอโรคยาศาล ด้านที่ 1 เป็นตัวอักษรในบรรทัดสุดท้ายของโศลกที่ 22 และ 23

    2. เศียรพระโพธิสัตว์ หินทราย สูง 18 เซนติเมตร ลักษณะพระพักตร์อมยิ้ม พระเนตรเหลือบต่ำ สวมชฎามงกุฏ มีกระบังหน้า มีร่องรอยการสวมกุณฑล (หักชำรุด) พบจากการขุดแต่งปราสาทประธาน เมื่อศึกษาเปรียบเทียบกับรูปเคารพที่พบในอโรคยาศาลแห่งอื่น พบว่ามีลักษณะเหมือนเศียรพระวัชรธร และพระไภษัชยคุรุ ที่มักพบว่าประดิษฐานอยู่ในปราสาทประธาน สันนิษฐานว่า เศียรนี้คงเป็นเศียรของรูปเคารพองค์ใดองค์หนี่งข้างต้น

    3. พระพุทธรูปนาคปรก หินทรายสภาพแตกชำรุด พบแยกเป็น 2 ส่วน ชิ้นแรกเป็นส่วนองค์พระ พระเศียร และพระกรหักหาย ลักษณะประทับนั่งสมาธิ อีกชิ้นเป็นส่วนฐานขนดนาค 2 ชั้น (ชำรุด) มีเดือยเสีบยประกอบกับองค์พระ พบภายในห้องกลางปราสาทประธาน
    4. ประติมากรรมรูปบุคคลขนาดเล็ก หินทราย สภาพชำรุดเศียร พระกรข้างซ้ายและแท่นฐานหักหาย ขนาดเท่าที่เหลือสูง 14 เซนติเมตร ลักษณะรูปบุคคลเพศชายนั่งชันเข่าขวาบนแท่น พระหัตถ์สองข้างยกอยู่ระดับพระนาภี ถือสิ่งของ (ชำรุด) พบภายในห้องกลางปราสาทประธาน
    นอกจากนี้ ภายในห้องกลางปราสาทประธาน ยังได้พบโบราณวัตถุอื่นๆ ร่วมด้วยได้แก่ แท่นจุณเจิมหินทราย เป็นแท่นทรงกลมสลักลานกลีบบัว แผ่นทองคำ (ชำรุด) พระพุทธรูปสำริดประทับนั่งปางสมาธิ 4 องค์ พระพุทธรูปสำริดประทับนั่งปางมารวิชัย จำนวน 9 องค์ หม้อดินเผาบรรจุพระพุทธรูปบุเงิน พระพุทธรูปในกลุ่มนี้ มีลักษณะพุทธศิลป์แบบลานช้าง กำหนดอายุราวพุทธศตวรรษที่ 22-24
    5. ชิ้นส่วนพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร หินทราย เป็นชิ้นส่วนพระกรถือหม้อน้ำ และส่วนพระบาทสองข้างยืนบนแท่น พบร่วมกับแท่นฐานบรอเวณห้องกลางโคปุระ ภายในแท่นฐานนี้พบแผ่นทองคำสี่เหลี่ยม 3 แผ่น สลักลวดลายกลีบบัวแปดกลีบซ้อนสองชั้น 1 แผ่น อีกสองแผ่นแบบเรียบไม่มีลวดลาย พบร่วมกับแท่งหินควอทซ์เจียรไนทรงเหลี่ยม จำนวน 13 ชิ้น ลักษณะเป็นการฝังวัตถุมงคลไว้ใต้แท่นฐานของรูปเคารพ โบราณวัตถุกลุ่มนี้พบระหว่างดำเนินการบูรณะโคปุระ
    ระหว่างการขุดแต่ง ยังได้พบ ภาชนะบรรจุพระพุทธรูปบุเงิน - บุทอง ภาชนะบรรจุกระดูก ฝังอยู่ในพื้นที่ภายในกำแพงแก้ว โดยเฉพาะรอบๆ ฐานปราสาทประธาน พบจำนวนหลายใบ ซึ่งเป็นหลักฐานในช่วงสมัยวัฒนธรรมล้านช้างที่เข้ามาใช้ประโยชน์ ในพื้นที่อโรคยศาล ในพื้นที่อีสานตอนบนมักพบว่า มีการใช้พื้นที่ศาสนสถานเดิม ลักษณะเช่นนี้อยู่หลายแห่งด้วยกัน

    การประกาศขึ้นทะเบียน
    ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 52 วันที่ 8 มีนาคม 2478 และประกาสกำหนดขอบเขตที่ดินโบราณสถานในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 100 ตอนที่ 36 วันที่ 15 มีนาคม 2526 เนื้อที่ 3 ไร่ 1 งาน 29 ตารางวา

    การดำเนินงาน สำนักงานโบราณคดีและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติที่ 7 ขอนแก่น ปัจจุบันคือ สำนักศิลปากรที่ 9 ขอนแก่น
   พ.ศ. 2541 สำนักงานโบราณคดีและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติที่ 7 ขอนแก่น ดำเนินการขุดแต่ง ขุดหลุมตรวจสอบและบูรณะปราสาทประธาน
   พ.ศ. 2542 สำนักงานโบราณคดีและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติที่ 7 ขอนแก่น บูรณะกำแพงแก้ว
   พ.ศ. 2543 สำนักงานโบราณคดีและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติที่ 7 ขอนแก่น บูรณะบรรณาลัยโคปุระ สระน้ำ ปราสาทประธาน (เพิ่มเติม) และปรับปรุงสภาพภูมิทัศน์
   พ.ศ. 2552 ดำเนินการบูรณะกำแพงแก้ว
   และในปี พ.ศ. 2553 ดำเนินการบูรณะบรรณาลัย โคปุระ สระน้ำ ปราสาทประธาน (เพิ่มเติม) และปรับปรุงสภาพภูมิทัศน์

   หมายเหตุ : โบราณวัตถุจากการขุดแต่ง บูรณะ เก็บรักษาไว้ที่วัดกู่ประภาชัยทั้งหมด เพื่อจัดแสดงในพิพิธภัณฑสถานท้องถิ่นต่อไป (พิพิธภัณฑ์ท้องถิ่น แหล่งเรียนรู้กู่ประภาชัย)


สถานที่ตั้ง : บ้านนาคำน้อย หมู่1,15 ตำบลบัวใหญ่ อำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น
ถ่ายภาพเมื่อ : 3 พฤศจิกายน 2555
วันติดตั้งหน้าเว็บ : 22 กรกฎาคม 2558
ปรับปรุงล่าสุด : 11 ธันวาคม 2559
จำนวนผู้เข้าชม : 3774 ครั้ง
แหล่งที่มาข้อมูล : หนังสือความลับในปราสาทขอม, ทำเนียบอโรคยศาลในประเทศไทย, finearts.go.th, kaentong.com
หมายเหตุ : เว็บมาสเตอร์เดินทางไปชมและถ่ายภาพเอง




อาร์ตนานา สตูดิโอ และ เดอะ ไดโนเสาร์ อาร์ต แกลเลอรี่ ™ (หอศิลป์ เดอะแด็ก)
บ้านเลขที่ 9, 48 หมู่ 12 บ้านหนองซำ ต.น้ำอ้อม อ.ค้อวัง จ.ยโสธร 35160 กรุณาโทรติดต่อก่อนการเดินทางหรือนัดหมายล่วงหน้า ที่เบอร์ โทร. 081- 303 4493, 064-092 9449
ออกแบบโลโก้ | ออกแบบบรรจุภัณฑ์ | ออกแบบกล่อง | ออกแบบบถุง | ออกแบบฉลาก | ออกแบบสื่อส่งเสริมการขาย ออกแบบสื่อดิจิทัล Digital Media Design

 ร่วมสนับสนุนเว็บไซต์ อีสานอาร์ตดอทคอม ช่องพุทธศิลป์อีสาน เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทางถ่ายภาพนำมาจัดทำเว็บไซต์ ได้ที่ :

ธนาคารกสิกรไทย สาขาบางกะปิ ชื่อบัญชี นายพัฒยา จันดากูล เลขที่บัญชี 003-2-02799-9 ประเภท ออมทรัพย์

ต้องยอมรับความจริงว่า การเดินทางมีค่าใช้จ่าย โดยเฉพาะค่าน้ำมันรถ หากต้องเดินทางไกลๆ หลายร้อยกิโลเมตร ค่าใช้จายในแต่ละเที่ยวก็หลายพันบาท เว็บมาสเตอร์จึงต้องรองบประมาณ และวางแผนการเดินทางให้คุ้มกับค่าน้ำมัน โดยกำหนดจุดที่จะไปถ่ายภาพให้ได้เยอะๆ ก่อนการเดินทาง ขอขอบพระคุณทุกท่านที่ให้การสนับสนุนค่าเดินทางครับ



44.213.99.37 | Copyright © 2008 - 2023 esanart.com All Rights Reserved.
Website designed by Artnana Sudio