ฮุปแต้มอีสาน, สิมอีสาน (Isan Mural Painting and Isan Temple Architectures)
 สิม หอไตร ฮูปแต้ม

(วางเมาส์บนรูปภาพ เพื่อดูส่วนขยายภาพ)

+ เพิ่ม | - ลด ขนาดตัวอักษร      

วัดหลวงปากเซ หรือวัดโพธิ์รัตนศาสดาราม ปากเซ สปป.ลาว
      วัดหลวงปากเซ ตั้งอยู่ใจกลางย่านเมืองเก่า แวดล้อมด้วยตึกทรงโคโลเนียลที่หลงเหลือมาจากสมัยฝรั่งเศสเจ้าอาณานิคม วัดนี้เป็นวัดสำคัญที่สุดในเมืองปากเซ และเป็นหนึ่งในศาสนสถานสำคัญของแขวงจำปาศักดิ์ แห่งลาวใต้ แม้ว่าที่นี่จะไม่ได้เก่าแก่เท่ากับวัดที่มีชื่อเสียงในหลวงพระบางหรือเวียงจันทน์ โดยตัวอุโบสถสร้างขึ้นเมื่อไม่ถึง 100 ปีที่แล้ว แต่วัดแห่งนี้ก็มีชื่อเสียงในฐานะศูนย์กลางการเรียนรู้พุทธศาสนาของลาวใต้มานานนับร้อยปี สิ่งปลูกสร้างสำคัญที่สุดในวัดก็คืออาคารแห่งนี้ ซึ่งใช้เป็นวิทยาลัยสงฆ์ ตัวอาคารสร้างแบบลาวแท้ ลวดลายปูนปั้นตามเชิงชาย เครื่องหลังคา และบันไดประดับพญานาคแผ่พังพานสึกกร่อนไปตามกาลเวลา แต่ก็ยิ่งทำให้ที่นี่ดูขรึมขลัง หากสังเกตให้ดีจะพบว่าข้างๆบันไดใหญ่ มีเสมาศิลาจารึกอักษรที่ดูเหมือนจะเป็นอักษรลาว แต่นี่คืออักษรธรรม ซึ่งพบได้ทั่วไปในวัดตามลุ่มแม่น้ำโขง ทั้งในลาวและล้านนาของไทย
      น่าเสียดายที่ปัจจุบันวิทยาลัยสงฆ์แห่งนี้ไม่ได้ใช้เป็นที่เรียนพระธรรมคัมภีร์แล้ว ใช้เป็นเพียงที่เก็บตำรับตำราเก่า และไม่เปิดให้คนทั่วไปเข้า เนื่องจากอาคารเก่าและทรุดโทรมมาก จนอาจถล่มลงมาได้ทุกเมื่อ แต่ก็ได้มีการสร้างวิทยาลัยสงฆ์จำปาศักดิ์ แห่งใหม่ขึ้นแทนข้างอาคารเดิม ทำให้วัดหลวงปากเซยังคงสืบทอดความเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ของพระสงฆ์ในลาวใต้มาจนถึงทุกวันนี้
      ข้างๆอาคารวิทยาลัยสงฆ์เดิม เป็นพระอุโบสถที่ดูเหมือนอาคารสร้างใหม่ ตรงข้ามกับความเก่าแก่ของอาคารข้างๆ แต่จริงๆแล้วพระอุโบสถของวัดหลวง สร้างในเวลาไล่เลี่ยกับวิทยาลัยสงฆ์ แต่มีการบูรณะปฏิสังขรณ์ใหม่อยู่เสมอด้วยแรงศรัทธาของอุบาสกอุบาสิกา ที่ไม่ได้มีแต่ชาวลาวเท่านั้น ยังมีชาวไทยจำนวนไม่น้อยที่มาทำบุญที่วัดแห่งนี้ โดยแต่ละปีจะมีพุทธศาสนิกชนจากกรุงเทพฯ อุบลราชธานี หรือจังหวัดอื่นๆในอีสานมาทอดกฐินที่นี่ไม่ต่ำกว่า 2-3 กองเลยทีเดียว

      ในฐานะที่วัดหลวงปากเซเป็นวัดสำคัญของแขวงจำปาศักดิ์ ทำให้ที่นี่นอกจากจะเป็นวัดที่คนนิยมมาทำบุญยามยังมีชีวิต ยังนิยมฝากร่างไว้ยามสิ้นบุญอีกด้วย แต่คนที่จะมีสถูปเก็บอัฐิ หรือที่ชาวลาวรียกว่า "ธาตุ" ในวัดนี้ได้ ล้วนต้องเป็นคนใหญ่คนโต เศรษฐี หรือบุคคลสำคัญ เจ้านายเชื้อพระวงศ์จำปาศักดิ์ หลายองค์ก็มีธาตุอยู่ที่นี่ เช่นท่านกระต่าย โดนสะโสลิด อดีตนายกรัฐมนตรีในรัฐบาลฝ่ายอนุรักษ์นิยมก่อนการปฏิวัติของฝ่ายซ้ายในลาว ธาตุของท่านถือว่าใหญ่โตโอ่อ่าที่สุด และตั้งโดดเด่นเป็นสง่าอยู่ที่หน้าอุโบสถ สมกับเป็นบุคคลสำคัญระดับประเทศของลาว
      นอกจากสถาปัตยกรรมเก่าแก่ในวัดแห่งนี้ อีกสิ่งหนึ่งที่ผู้ได้มาเยือนวัดหลวงปากเซไม่ควรพลาดชม ก็คือวิวแม่น้ำเซโดนที่ไหลไปบรรจบกับน้ำโขง เกิดเป็นเส้นสายน้ำสองสีที่ตัดกันระหว่างน้ำเซสีเขียวเข้ม กับน้ำของ หรือน้ำโขงสีน้ำตาลอ่อน ยิ่งได้ชมสายน้ำยามตะวันชิงพลบ ก็ยิ่งเป็นภาพที่ชวนนึกถึงความรุ่งเรืองของจำปาศักดิ์ ในอดีตที่ยิ่งใหญ่ไม่แพ้มหานครใดในอุษาคเนย์



      ปากเซ
     ปากเซเป็นเมืองเอกของแขวงจำปาศักดิ์ อยู่ริมแม่น้ำโขง เป็นเมืองใหม่พึ่งตั้งได้ไม่นาน เมืองนี้ตั้งอยู่บริเวณปากแม่น้ำเซโดน ที่บรรจบกับแม่น้ำโขงที่นี่ ปากเซเป็นเมืองที่มีสำคัญทางด้านเศรษฐกิจกับแขวงจำปาศักดิ์ และนับว่าเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของลาวตอนใต้ มีประชาชนหลากหลายชนชาติเข้ามาดำรงชีวิตที่เมืองนี้
      ปากเซ เป็นเมืองหลวงและเมืองที่มีประชากรมากที่สุดในจังหวัดจำปาศักดิ์ ของลาวตอนใต้ ทำให้เป็นเมืองที่มีประชากรมากเป็นอันดับสามของเมืองในประเทศลาว ตั้งอยู่ที่บรรจบกันของแม่น้ำเซโดนและแม่น้ำโขง มีประชากรประมาณ 88,000 คน นอกจากนี้ ปากเซยังทำหน้าเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรแห่งแคว้นจำปาศักดิ์ จนกระทั่งถูกรวมเป็นหนึ่งเดียวกับส่วนที่เหลือของประเทศลาว ในปี พ.ศ. 2489
      เมืองปากเซ ก่อตั้งโดยชาวฝรั่งเศส ในฐานะด่านบริหารในปี 1905 และเคยเป็นเมืองหลวงของประเทศลาวของแคว้นจำปาศักดิ์ จนถึงปี พ. ศ. 2489 เมื่อราชอาณาจักรลาวเกิดขึ้น ในช่วงสงครามฝรั่งเศส
      เมืองปากเซเป็นเมืองหลักของแขวงจำปาศักดิ์ ซึ่งเป็นที่ประทับของ เจ้าบุญอุ้ม ณ จำปาศักดิ์ เจ้าผู้ครองนครจำปาศักดิ์พระองค์ที่ 13 (พระองค์สุดท้าย) ซึ่งเป็นบุคคลสำคัญในสงครามกลางเมืองลาว พระองค์สร้างพระราชวังจำปาศักดิ์ ใช้สถาปนิกจากฝรั่งเศส ออกแบบตามรูปแบบสถาปัตยกรรมลาวตอนใต้ ผสมกับสถาปัตยกรรมโคโลเนียลฝรั่งเศส และสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ แต่จำต้องหลบหนีไป เมื่อปี พ. ศ. 2517 ก่อนที่การก่อสร้างแล้วเสร็จ ในเดือนพฤษภาคม 2518 สร้างนานราว 7 ปี ตั้งแต่ พ.ศ. 2511-2518
      พระราชวังจำปาศักดิ์ ปาเซ (ปัจจุบัน คือ โรงแรมจำปาสัก พาเลซ) ตกเป็นสมบัติของรัฐบาล หลังการปฏิวัติของคอมมิวนิสต์ ใน ค.ศ.1975 (พ.ศ. 2518) ตั้งแต่ปีพศ. 2519 เมื่อเจ้าบุญอุ้ม ได้อพยพไปยังประเทศฝรั่งเศส รัฐบาลลาวจึงเข้ามาสร้างเพิ่มเติมจนเสร็จ และปรับเปลี่ยนให้เป็นโรงแรมหรูหราอย่างในปัจจุบัน
      เอกลักษณ์ของโรงแรมแห่งนี้ คือ การที่มีประตู-หน้าต่างรวมมากกว่า 1,900 บาน มีทั้งหมด 7 ชั้น ชาวบ้านจึงเรียกที่นี่ว่าศาลาพันห้อง โดยมีสถาปัตยกรรมแบบลาวดั้งเดิม ภายในตกแต่งอย่างสวยงาม บนชั้นบนของโรงแรมสามารถมองเห็นวิวของแม่น้ำโขง ภูเขา สะพานลาว-ญี่ปุ่น ได้อย่างชัดเจน
      ปากเซได้กลายเป็นพลังทางเศรษฐกิจและมีความสำคัญระดับภูมิภาคในภูมิภาคนี้ การก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงซึ่งสร้างขึ้นด้วยความช่วยเหลือจากญี่ปุ่นทำให้การจราจรทางถนนกับจังหวัดอุบลราชธานีในประเทศไทยได้รวมเมืองกับประเทศเพื่อนบ้าน

      Pakse
      Pakse, or Pakxe is the capital and most populous city of the southern Laotian province of Champasak, making it the second most populous city in Laos. Located at the confluence of the Xe Don and Mekong Rivers, it has a population of about 88,000.[1] It also served as the capital of the Kingdom of Champasak until it was unified with the rest of Laos in 1946. This city was founded by the French as an administrative outpost in 1905, and was formerly the capital of the Lao Kingdom of Champasak until 1946 when the Kingdom of Laos was formed. During the Franco-Thai war the French ceded Preah Vihear Province from Cambodia and the cis-Mekong part of Champassak Province opposite Pakse from Laos to Thailand.[2]
      The city served as the primary seat and residence to Prince Boun Oum Na Champassak, an important figure in the Laotian Civil War. He built Champasak Palace, but fled in 1974 before it was completed. In May 1975, it fell to Pathet Lao forces. Since 1975, Pakse has become an economic power and of regional importance within the region. The construction of a bridge over the Mekong, built with Japanese aid, allowing road traffic with Ubon Ratchathani in Thailand, has further integrated the city with neighbouring countries.



      

      วัดหลวง
      วัดหลวง เมืองปากเซ ลาวตอนใต้ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเซโดน ทางทิศเหนือของตลาดเก่า วัดหลวง สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2478 เป็น วัดเก่าแก่แห่งหนึ่ง ในเมืองปากเซ ที่เกี่ยวข้อง ความเป็นมากับประวัติศาสตร์ครั้งสงครามยุคฝรั่งเศส และความสวยงามของสถาปัตยกรรม ศิลปะแบบลาวให้ชม อีกทั้งเป็นวัดเก่าแก่และมีความสำคัญในเมืองปากเซ เพราะเป็นสถานที่เก็บอัฐิของราชวงศ์สายจำปาศักดิ์ หลายพระองค์ รวมทั้งอัฐิของท่านกระต่าย โดนสะโสลิด อดีตนายกรัฐมนตรีในรัฐบาลฝ่ายอนุรักษ์นิยม มีลักษณะเป็นสถูปเจดีย์เรียงรายโดยรอบวัด จุดเด่นน่าชม คือ อาคารเก่าแก่ ซึ่งใช้เป็นหอสมุดและสำนักงานของครู มีลายปูนปั้นสวยงามมาก ปัจจุบันไม่ได้ใช้งาน มีสภาพทรุดโทรม
     ส่วนด้านหลังเป็นอาคารไม้ 2 ชั้น อยู่ติดกับแม่น้ำเซโดนใช้เป็นโรงเรียนสอนพุทธศาสนาสำหรับพระสงฆ์

ถ่ายภาพเมื่อ : 17 ธันวาคม 2560
วัดหลวงปากเซ สปป.ลาว
วัดหลวงปากเซ สปป.ลาว
วัดหลวงปากเซ สปป.ลาว
วัดหลวงปากเซ สปป.ลาว
วัดหลวงปากเซ สปป.ลาว
วัดหลวงปากเซ สปป.ลาว
วัดหลวงปากเซ สปป.ลาว
วัดหลวงปากเซ สปป.ลาว
วัดหลวงปากเซ สปป.ลาว
วัดหลวงปากเซ สปป.ลาว
วัดหลวงปากเซ สปป.ลาว
วัดหลวงปากเซ สปป.ลาว
วัดหลวงปากเซ สปป.ลาว
วัดหลวงปากเซ สปป.ลาว
วัดหลวงปากเซ สปป.ลาว
วัดหลวงปากเซ สปป.ลาว
วัดหลวงปากเซ สปป.ลาว
วัดหลวงปากเซ สปป.ลาว
วัดหลวงปากเซ สปป.ลาว
วัดหลวงปากเซ สปป.ลาว
วัดหลวงปากเซ สปป.ลาว
วัดหลวงปากเซ สปป.ลาว
วัดหลวงปากเซ สปป.ลาว
วัดหลวงปากเซ สปป.ลาว
วัดหลวงปากเซ สปป.ลาว
วัดหลวงปากเซ สปป.ลาว
วัดหลวงปากเซ สปป.ลาว
วัดหลวงปากเซ สปป.ลาว
วัดหลวงปากเซ สปป.ลาว
วัดหลวงปากเซ สปป.ลาว
วัดหลวงปากเซ สปป.ลาว
วัดหลวงปากเซ สปป.ลาว
วัดหลวงปากเซ สปป.ลาว
วัดหลวงปากเซ สปป.ลาว
วัดหลวงปากเซ สปป.ลาว
วัดหลวงปากเซ สปป.ลาว
วัดหลวงปากเซ สปป.ลาว
วัดหลวงปากเซ สปป.ลาว
วัดหลวงปากเซ สปป.ลาว
วัดหลวงปากเซ สปป.ลาว
วัดหลวงปากเซ สปป.ลาว
วัดหลวงปากเซ สปป.ลาว
วัดหลวงปากเซ สปป.ลาว
วัดหลวงปากเซ สปป.ลาว
วัดหลวงปากเซ สปป.ลาว
วัดหลวงปากเซ สปป.ลาว
วัดหลวงปากเซ สปป.ลาว
วัดหลวงปากเซ สปป.ลาว
วัดหลวงปากเซ สปป.ลาว
วัดหลวงปากเซ สปป.ลาว
วัดหลวงปากเซ สปป.ลาว
วัดหลวงปากเซ สปป.ลาว
วัดหลวงปากเซ สปป.ลาว
วัดหลวงปากเซ สปป.ลาว
วัดหลวงปากเซ สปป.ลาว
วัดหลวงปากเซ สปป.ลาว
วัดหลวงปากเซ สปป.ลาว
วัดหลวงปากเซ สปป.ลาว
วัดหลวงปากเซ สปป.ลาว
วัดหลวงปากเซ สปป.ลาว
วัดหลวงปากเซ สปป.ลาว
วัดหลวงปากเซ สปป.ลาว
วัดหลวงปากเซ สปป.ลาว
วัดหลวงปากเซ สปป.ลาว
วัดหลวงปากเซ สปป.ลาว
วัดหลวงปากเซ สปป.ลาว
วัดหลวงปากเซ สปป.ลาว
วัดหลวงปากเซ สปป.ลาว
วัดหลวงปากเซ สปป.ลาว
วัดหลวงปากเซ สปป.ลาว
วัดหลวงปากเซ สปป.ลาว


การเดินทาง
วัดหลวงปากเซ ตั้งอยู่ที่ เมืองปากเซ สปป.ลาว จากฝั่งไทยข้ามแดนที่ช่องเม็ก อุบลราชธานี นั่งรถตู้ไปลงที่ตลาดดาวเรือง สามารถเดินไปที่วัดก็ได้ (ประมาณ 3-4 กม.)


สถานที่ตั้ง : วัดหลวงปากเซ สปป.ลาว
พิกัด : 15.332669, 104.165254
ถ่ายภาพเมื่อ : 17 ธันวาคม 2560
วันติดตั้งหน้าเว็บ : 11 มกราคม 2561
จำนวนผู้เข้าชม : 9651 ครั้ง
แหล่งที่มาข้อมูล : th.wikipedia.org, voicetv.co.th/read/126938, smilethaiecotour.net
หมายเหตุ : เว็บมาสเตอร์เดินทางไปชมและถ่ายภาพเอง


29-12-2017 Views : 9652
      ร่วมกันสนับสนุนเว็บไซต์นี้ ทำได้ง่ายๆ ด้วยการคลิกลิงค์ด้านล่าง... ขอบคุณครับ




อาร์ตนานา สตูดิโอ และ เดอะ ไดโนเสาร์ อาร์ต แกลเลอรี่ ™ (หอศิลป์ เดอะแด็ก)
บ้านเลขที่ 9, 48 หมู่ 12 บ้านหนองซำ ต.น้ำอ้อม อ.ค้อวัง จ.ยโสธร 35160 กรุณาโทรติดต่อก่อนการเดินทางหรือนัดหมายล่วงหน้า ที่เบอร์ โทร. 081- 303 4493, 064-092 9449
ออกแบบโลโก้ | ออกแบบบรรจุภัณฑ์ | ออกแบบกล่อง | ออกแบบบถุง | ออกแบบฉลาก | ออกแบบสื่อส่งเสริมการขาย ออกแบบสื่อดิจิทัล Digital Media Design

 ร่วมสนับสนุนเว็บไซต์ อีสานอาร์ตดอทคอม ช่องพุทธศิลป์อีสาน เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทางถ่ายภาพนำมาจัดทำเว็บไซต์ ได้ที่ :

ธนาคารกสิกรไทย สาขาบางกะปิ ชื่อบัญชี นายพัฒยา จันดากูล เลขที่บัญชี 003-2-02799-9 ประเภท ออมทรัพย์

ต้องยอมรับความจริงว่า การเดินทางมีค่าใช้จ่าย โดยเฉพาะค่าน้ำมันรถ หากต้องเดินทางไกลๆ หลายร้อยกิโลเมตร ค่าใช้จายในแต่ละเที่ยวก็หลายพันบาท เว็บมาสเตอร์จึงต้องรองบประมาณ และวางแผนการเดินทางให้คุ้มกับค่าน้ำมัน โดยกำหนดจุดที่จะไปถ่ายภาพให้ได้เยอะๆ ก่อนการเดินทาง ขอขอบพระคุณทุกท่านที่ให้การสนับสนุนค่าเดินทางครับ



98.80.143.34 | Copyright © 2008 - 2023 esanart.com All Rights Reserved.
Website designed by Artnana Sudio